วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

การประเมินภาวะผู้นำ

การวิเคราะห์ความเป็นผู้นำทางวิชาการ
ผู้บริหารสถานศึกษาจำเป็นต้องมีความเป็นผู้นำทางวิชาการซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการบริหารงานสถานศึกษา เนื่องจากสถานศึกษาเป็นองค์การที่มีลักษณะแตกต่างจากองค์การโดยทั่วไป เพราะองค์การโดยทั่วไปนั้นจะมีจุดมุ่งหมายและพันธกิจที่ไม่ซับซ้อนเท่ากับองค์การทางการศึกษา เนื่องจากองค์การทางการศึกษานั้นนอกจากจะมีจุดมุ่งหมายและพันธกิจเหมือนองค์กรทั่วไปแล้ว องค์การทางการศึกษาหรือสถานศึกษานั้นยังมีเป้าหมายในการจัดการศึกษาอีก ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องคำนึงถึงจุดมุ่งหมายทั้งสองประการนี้ เพื่อนำให้องค์การบรรลุทั้งเป้าหมายของการบริหารองค์การ และบรรลุเป้าหมายของการจัดการศึกษา คือ การบรรลุถึงคุณภาพของผู้เรียนอันเป็นเป้าหมายสูงสุดของการจัดการศึกษา
ดังนั้น ผู้บริหารสถานศึกษาจึงควรวิเคราะห์ความเป็นผู้นำทางวิชาการของตนเองว่ามีอยู่อย่างไรบ้าง มีจุดดี จุดด้อยอย่างไร และควรพัฒนาอย่างไร
๑. คุณสมบัติข้อแรกที่ผู้บริหารสถานศึกษาควรตรวจสอบตัวเองก็คือ การเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ (Vision) คือ การที่ผู้บริหารสถานศึกษาสามารถมองเห็นภาพอนาคตของสถานศึกษา ที่เป็นภาพที่มีความเฉพาะเจาะจง และสามารถบรรลุถึงจุดได้ ความสามารถหยั่งรู้ถึงก้าวต่อๆ ไปขององค์การนั้นถือเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้นำ เมื่อสามารถสร้างภาพอนาคตได้ชัดเจนแล้ว ต้องนำเผยแพร่ แก่คณะครูและผู้ร่วมงานอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันและเกิดการยอมรับ หากจะต้องมีการปรับเปลี่ยนก็เป็นความเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นภาพอนาคตที่เป็นที่พึงประสงค์ของทุกคนในสถานศึกษานั้น จากนั้นจึงจะมีผลทำให้ทุกคนรวมพลังเพื่อปฏิบัติตามวิสัยทัศน์นั้น ขณะเดียวกันผู้นำก็อาจจะนำวิสัยทัศน์นั้นไปปฏิบัติด้วยตนเอง
งานวิจัยหลายเรื่องในปัจจุบันต่างยืนยันว่าวิสัยทัศน์เป็นสิ่งจำเป็นและเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญของผู้นำ (เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์และคณะ,๒๕๓๘:๖)
ผู้บริหารสถานศึกษาจึงควรวิเคราะห์และตรวจสอบคุณสมบัติข้อนี้เป็นประการแรก
๒. การวิเคราะห์และตรวจสอบคุณสมบัติอื่นซึ่งเป็นองค์ประกอบของคุณลักษณะที่ดีของ
ผู้นำทางวิชาการ ได้แก่ การเป็นผู้มีแนวคิดกว้างไกลในเรื่องของการศึกษา การเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการศึกษา การเป็นผู้มีความตั้งใจแน่วแน่ การเป็นผู้มีพลังพร้อมที่จะทำงาน การเป็นผู้มีความกล้าเสี่ยงและความเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์
ผู้บริหารสถานศึกษาควรวิเคราะห์ตนเองในเรื่องต่าง ๆ ข้างต้นอย่างมีใจเป็นกลางและ
ประเมินระดับที่ตนมีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาหรือปรับปรุงต่อไป
๓. การตรวจสอบการบริหารงาน ผู้บริหารสถานศึกษาควรตรวจสอบการบริหารงานด้วย
การประเมินงาน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานในทางที่เป็นจริงโดยการตรวจสอบหรือประเมินองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น แผนงาน วิธีดำเนินงาน การควบคุม การใช้ทรัพยากร เป็นต้น
การตรวจสอบด้วยการประเมินมีหลายวิธี แล้วแต่จะเลือกใช้ เช่น
๓.๑ การประเมินผู้บริหาร เป็นการประเมินรายบุคคล
๓.๒ การประเมินงาน เป็นการประเมินเนื้องาน กิจกรรม การทดลองเทคนิคใหม่
๓.๓ การประเมินระบบ เป็นการใช้วิธีการประเมินอย่างมีระบบ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมคนในองค์การอันเป็นผลสะท้อนจากพฤติกรรมการบริหารของผู้บริหาร


บทบาทของการเป็นผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา (Instructional Leadership of School Administrators)
เนื่องจากสถานศึกษาเป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอน ผู้บริหารสถานศึกษาจึงจำเป็นต้องเป็นผู้นำทางวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นการบริหาร การจัดหลักสูตร โปรแกรมการเรียนการสอน การร่วมกับสมาคมวิชาชีพ ความรอบรู้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและมีวิสัยทัศน์ทางการศึกษา
ศาสตราจารย์ทรัสตี (Trusty,๑๙๘๖) แห่งภาควิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยเทนเนสซี่ สหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงหน้าที่ของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาในฐานะที่เป็นผู้นำทางวิชาการไว้ ๑๗ ประการ คือ
๑. ส่งเสริมให้ครูได้พัฒนาเป้าหมายและวัตถุประสงค์ทางวิชาการของสถานศึกษา
๒. ส่งเสริมให้ครูนำเป้าหมายและวัตถุประสงค์ทางวิชาการของสถานศึกษาไปปฏิบัติ
๓. สร้างความเชื่อมั่นว่ากิจกรรมของสถานศึกษาและของห้องเรียนสอดคล้องกับ
วัตถุประสงค์ของสถานศึกษา
๔. สร้างความเชื่อมั่นว่าโครงการทางวิชาการของสถานศึกษาเป็นผลมาจากผลการวิจัย
และการปฏิบัติทางการศึกษา
๕. มีการวางแผนร่วมกับคณะครูเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ทางวิชาการเพื่อให้บรรลุความ
ต้องการของนักเรียน
๖. ส่งเสริมให้ครูนำโครงการทางวิชาการไปปฏิบัติ
๗. ปฏิบัติงานร่วมกับคณะครูในการประเมินผลโครงการทางวิชาการของโรงเรียน
๘. ติดต่อสื่อสารกับครูและนักเรียนด้วยความคาดหวังที่สูงในด้านมาตรฐานทางวิชาการ
๙. ให้การสนับสนุนในการจัดกิจกรรมทางสังคมของนักเรียน
๑๐. ให้การสนับสนุนในการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างเชาวน์ปัญญาของนักเรียน
๑๑. มีการจัดสรรเวลาเพื่องานวิชาการร่วมกับครูไว้อย่างชัดเจน
๑๒. ให้ความร่วมมือกับนักเรียนในการกำหนดระเบียบเพื่อแก้ปัญหาด้านวินัย
๑๓.ร่วมมือกับนักเรียนให้มีการนำระเบียบกฎเกณฑ์ที่สร้างขึ้นมาแก้ไขปัญหาด้านวินัย
๑๔.ร่วมมือกับคณะครูให้มีการนำระเบียบกฎเกณฑ์ที่สร้างขึ้นมาใช้ในการแก้ปัญหาด้าน
วินัยของนักเรียน
๑๕.มีการปฐมนิเทศคณะครูเกี่ยวกับโครงการของสถานศึกษา
๑๖. มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของครูอย่างยุติธรรม
๑๗.ช่วยเหลือครูในการพัฒนาระบบงาน เพื่อให้มีความก้าวหน้าทางวิชาชีพ

องค์ประกอบสำคัญสำหรับผู้นำทางวิชาการ
องค์ประกอบที่สำคัญสำหรับการเป็นผู้นำทางวิชาการมีดังนี้
๑. มีแนวคิดกว้างไกลในเร่องของการศึกษา
ผู้นำทางวิชาการจะต้องเข้าในงานการศึกษาว่ามีขอบข่ายงานชัดเจนหรือซับซ้อน
อย่างไร ต้องรู้ว่าปัญหาของการศึกษาทั้งในระดับกว้างและระดับลึกมีอะไรบ้าง ในขณะนั้น ปัญหาการเรียนการสอนที่เกิดขึ้นคืออะไร ต้องสามารถรังฟังและวิเคราะห์ความต้องการเกี่ยวกับการเรียนการสอนทั้งจากครู นักเรียน และผู้ปกครองได้ สามารถดำเนินการตอบสนองความต้องการหรือจัดการแก้ปัญหาได้
การมีแนวคิดกว้างไกลในเรื่องของการศึกษานี้เป็นคุณสมบัติที่ดี และสำคัญสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาที่เป็นผู้นำทางวิชาการ เป็นเรื่องที่ผู้นำทางวิชาการต้องสั่งสมและพัฒนาขึ้นด้วยการศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเองจากประสบการณ์ในการทำงาน จากประสบการณ์ของผู้อื่นและจากการเข้ารับการศึกษา หรือฝึกอบรมเพิ่มเติม การศึกษาดูงาน การมีโอกาสได้เสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ตลอดจนเจตคติกับผู้รู้ จะทำให้พัฒนาคุณสมบัติข้อนี้ได้มากขึ้น
ผู้บริหารสถานศึกษาที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา กระบวนการจัดการเรียนรู้ เป้าหมายการศึกษาของท้องถิ่นและของประเทศ ตลอดจนมีแนวความคิดกว้างไกลและชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการปรับปรุงหรือพัฒนาการเรียนรู้ รวมถึงการพัฒนาการศึกษาในด้านอื่น ๆ ด้วย
๒. ความเชี่ยวชาญในเรื่องของการศึกษา
ผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้นำทางวิชาการจะต้องมีความชำนาญในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ
การจัดการศึกษา ได้แก่ เรื่องการจัดทำและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา กระบวนการปฏิรูปการศึกษา และมีทักษะการนำเสนอเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดและพฤติกรรมของครูผู้ร่วมงาน เพื่อไปสู่การบรรลุเป้าหมายของการปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้จริง
มีงานวิจัยหลายเรื่องที่พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาที่ขาดความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำแก่ครูในเรื่องที่ครูต้องการมักจะไม่ได้รับการยอมรับว่าผู้บริหารนั้นเป็นผู้นำทางวิชาการ ครูจะยอมรับว่าผู้บริหารเป็นผู้นำทางวิชาการเมื่อผู้บริหารได้แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเพียงพอในการให้ความช่วยเหลือ แนะนำ นิเทศงานให้แก่ครู ให้สำเร็จได้ตามจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษา และผู้บริหารที่มีคุณสมบัติดังกล่าวนี้ก็มักจะมีความสัมพันธ์กับประสิทธิผลของโรงเรียนด้วย
๓. มีความตั้งในแน่วแน่
ผู้นำทางวิชาการจะต้องมีความตั้งใจแน่วแน่ในการจะปรับปรุงกระบวนการจัดการ
เรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน โดยการส่งเสริมสนับสนุนให้ครูพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การศึกษาวิจัยในชั้นเรียนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาการเรียนรู้ของผู้เรียน หรือพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน แต่การปรับปรุงและพัฒนามักจะมีอุปสรรคและข้องขัดแย้งเกิดขึ้นเสมอ การจะเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายได้นอกจากจะใช้ความรู้ความสามารถแล้วยังต้องอาศัยความตั้งใจจริงและแน่วแน่ในการที่จะทำงานให้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารสถานศึกษาในยุคปัจจุบันที่อยู่ในภาวะขาดแคลนกำลังคน งานธุรการและงานบริหารอื่น ๆ มักจะแย่งเวลาของผู้บริหารไปจากงานวิชาการ แต่ถ้าผู้บริหารมีความเป็นผู้นำทางวิชาการและมีความตั้งใจจริงในการที่จะพัฒนาและปรับปรุงงานวิชาการ การจัดการเรียนรู้ก็จะต้องอดทนที่จะเอาชนะอุปสรรคและหาเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ผู้นำทางวิชาการให้ได้
สถานศึกษาที่ประสบความสำเร็จนั้นมักมีผู้บริหารที่มีความเอื้ออาทร และมีความตั้งใจอย่างแท้จริงในการปรับปรุงกระบวนการจัดการศึกษา ประสิทธิผลของสถานศึกษาจะเกิดขึ้นจากการมุ่งมั่นและทำงานหนักของผู้บริหารและบุคลากรทุกคน
๔. การมีพลังพร้อมที่จะทำงาน
ผู้บริหารที่มีความเป็นผู้นำทางวิชาการจะพบว่างานบริหารสถานศึกษานั้นเป็นภาระที่
หนักมาก และใช้เวลามาก เพราะจะต้องบริหารทั้งองค์การ และบริหารงานวิชาการ ลำพังเฉพาะการบริหารองค์การสถานศึกษาก็เป็นงานที่หนักเหมือนกับองค์การประเภทอื่นๆ แล้ว การบริหารวิชาการคือการบริหารการศึกษายิ่งเป็นงานที่หนักกว่า เพราะมีส่วนที่เป็นเรื่องนามธรรมค่อนข้างสูง ดังนั้นผู้บริหารจึงต้องมีพลังมากพอที่จะทุ่มเทให้กับงาน ทั้งพลังกายและพลังใจที่พร้อมจะทำงานด้วยความกระตือรือร้น
๕. กล้าเสี่ยง
ผู้บริหารที่เป็นผู้นำทางวิชาการจะนำเสนอแนวคิดใหม่อยู่เสมอ เพื่อให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นจะต้องมีผู้ได้รับผลกระทบและไม่พอใจต่อการเปลี่ยนแปลงก่อให้เกิดการต่อต้านแนวคิดหรือสิ่งใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ผู้นำทางวิชาการต้องใช้ความอดทน มีพลังและกล้าเสี่ยงในการที่จะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อทำตามแนวคิดนั้น และพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับสถานศึกษาของตน
๖. มนุษยสัมพันธ์
ผู้บริหารสถานศึกษาที่เป็นผู้นำทางวิชาการต้องสามารถทำงานกับบุคคลที่หลากหลาย
ได้ เข้าใจความต้องการของบุคคลอื่น ยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่ปิดกั้นตนเอง รู้จักดึงคนเข้ามาร่วมงาน ยอมรับผิดเมื่อกระทำผิดหรือตัดสินใจผิด ยอมรับการเปลี่ยนแปลง มีความซื่อสัตย์ ยุติธรรมในการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
องค์ประกอบต่าง ๆ เหล่านี้เป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้นำทางวิชาการ ผู้นำแต่ละคนอาจจะมีคุณสมบัติไม่ครบทุกองค์ประกอบก็ได้ แต่จะสามารถพัฒนาคุณสมบัติเหล่านี้ได้
การเป็นผู้นำทางวิชาการ เป็นความสามารถที่ผู้บริหารจำเป็นต้องมีและพัฒนาให้เป็นทักษะเพื่อจะได้นำให้งานจัดการศึกษาของสถานศึกษาดำเนินไปให้บรรลุเป้าหมาย

การประเมินภาวะผู้นำด้วยตนเอง
ผู้บริหารสถานศึกษาจำเป็นต้องมีความเป็นผู้นำทางวิชาการซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการบริหารสถานศึกษา เนื่องจากสถานศึกษาเป็นองค์การที่มีลักษณะแตกต่างจากองค์การโดยทั่วไป เพราะองค์การโดยทั่วไปนั้นมีจุดมุ่งหมายและพันธกิจที่ไม่ซับซ้อนเท่ากับองค์การทางการศึกษา
เนื่องจากองค์การทางการศึกษานั้นนอกจากจะมีจุดมุ่งหมายและพันธกิจเหมือนองค์การทั่ว ๆ ไปแล้ว องค์การทางการศึกษาหรือสถานศึกษานั้นยังมีเป้าหมายในการจัดการศึกษาอีก ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องคำนึงถึงจุดมุ่งหมายทั้งสองประการนี้ เพื่อนำให้องค์การบรรลุทั้งเป้าหมายของการบริหารองค์การ และบรรลุเป้าหมายของการจัดการศึกษา คือการบรรลุถึงคุณภาพของผู้เรียน อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของการจัดการศึกษา
ดังนั้น ผู้บริหารสถานศึกษาจึงควรวิเคราะห์ความเป็นผู้นำทางวิชาการของตนเองว่ามีอยู่อย่างไรบ้าง มีจุดดี จุดด้อยอย่างไร และควรพัฒนาอย่างไร





หัวข้อในการประเมินภาวะผู้นำทางวิชาการของตนเอง
๑. การวางแผนและจัดระบบงานในสถานศึกษา
๑.๑ การตั้งเป้าหมาย จัดลำดับความสำคัญของงาน และกำหนดแนวปฏิบัติได้
อย่างถูกต้องเหมาะสม
๑.๒ การใช้ทรัพยากร บุคลากร และเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
๑.๓ การปฏิบัติงานได้สำเร็จตามเวลาที่กำหนด
๒. การควบคุมและการติดตามผล
๒.๑ มีการตรวจสอบและติดตามผลการปฏิบัติงานของครูอย่างเป็นระบบ
สม่ำเสมอ
๒.๒ มีการควบคุมการปฏิบัติงานของครูให้บรรลุตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
๒.๓ มีการควบคุมค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามงบประมาณที่ได้รับ
๓. การวิเคราะห์ปัญหาและการตัดสินใจ
๓.๑ มีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาอย่างรอบคอบ ทุกแง่มุมและมีข้อยุติ
ในปัญหาอย่างมีเหตุผล
๓.๒ ความสามารถในการกำหนดทางเลือก การปฏิบัติงานได้หลายทางเพื่อให้บรรลุความสำเร็จตามเป้าหมาย
๓.๓ การตัดสินใจในงานที่รับผิดชอบเป็นไปอย่างถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์โดยไม่มีปัญหาติดตามมาในภายหลัง
๔. การสื่อความ
๔.๑ สามารถให้คำแนะนำที่ชัดเจนสมบูรณ์แก่ครู
๔.๒ สามารถเขียนบันทึก รายงานได้กะทัดรัด ชัดเจน และได้ใจความ
๔.๓ สามารถชี้แจง นำเสนอ หรืออภิปรายเรื่องต่าง ๆ ให้เกิดความเข้าใจได้ง่าย
และตรงกัน
๕. ความรู้เกี่ยวกับงาน
๕.๑ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานและเทคนิคต่าง ๆ เกี่ยวกับงานวิชาการเป็นอย่างดี
๕.๒ สามารถนำความรู้ต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานการศึกษา
๕.๓ สนใจติดตามเทคโนโลยีและวิธีการใหม่ ๆ ในการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ
๖. ความเป็นผู้นำ
๖.๑ การเป็นตัวอย่างที่ดี
๖.๒ การกระตุ้นและให้กำลังใจ
๖.๓ มีศิลปะในการจูงใจหรือโน้มน้าวให้ครูตั้งใจและเต็มใจร่วมมือกันทำงาน
๗. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
๗.๑ มีความคิดริเริ่มใหม่ ๆ ที่เป็นไปได้อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงงานและระบบงานให้ดีขึ้น
๗.๒ นำเทคนิคและวิธีการใหม่ ๆ มาใช้ในการทำงาน
๗.๓ มีการพัฒนาวิธีการทำงานให้มีประสิทธิผลกว่าเดิม
๘. การพัฒนาครู
๘.๑ มีการสอนงาน ถ่ายทอดความรู้ให้กับครู
๘.๒ แนะนำวิธีปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม
๘.๓ ส่งเสริมและพัฒนาครูให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น เช่น การส่งไปอบรมสัมมนา ศึกษาดูงาน เพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่และการงาน
๙. การจัดการดำเนินงานทางวิชาการ
๙.๑ การบริหารหลักสูตร
๙.๑.๑ สร้างและปรับปรุงหลักสูตรให้เหมาะสมกับผู้เรียนและท้องถิ่น
๙.๑.๒ ใช้หลักสูตรสถานศึกษาที่จัดทำขึ้น
๙.๑.๓ มีการประเมินผลการใช้หลักสูตร และนำผลการประเมินมาใช้
๙.๒ การบริหารการเรียนการสอน
๙.๒.๑ มีการเตรียมการสอนโดยจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีองค์ประกอบครบถ้วนสัมพันธ์กัน สอดคล้องกับหลักสูตรและผู้เรียน
๙.๒.๒ จัดการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่กำหนดไว้
๙.๒.๓ การประเมินผลการเรียนรู้ระหว่างเรียนและนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอน
๙.๒.๔ จัดแหล่งการเรียนรู้ในโรงเรียนให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
๙.๒.๕ มีเอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ และนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้
๙.๒.๖ มีสถานที่ และระบบการจัดเก็บรักษาสื่อการเรียนรู้ที่พร้อมนำมาใช้
๙.๓ การบริหารการนิเทศภายใจ
๙.๓.๑ วางแผนโครงการนิเทศได้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันปัญหา และความต้องการของผู้รับการนิเทศ
๙.๓.๒ ดำเนินการนิเทศตามแผน โครงการนิเทศ โดยใช้กิจกรรมที่เหมาะสมกับงานและผู้รับการนิเทศ อย่างสม่ำเสมอและทั่วถึง
๙.๓.๓ ประเมินผลการนิเทศอย่างเป็นระบบ และนำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาการนิเทศขชองโรงเรียน
๙.๓.๔ ประสานงานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อพัฒนาการนิเทศ
๙.๔ การบริหารการวิจัยและพัฒนา
๙.๕ การบริหารโครงการทางวิชาการ
๙.๖ การบริหารระบบข้อมูลสารสนเทศ
๙.๗ การบริหารการประกันคุณภาพการศึกษา

เกณฑ์ประเมินความสามารถในการเป็นผู้นำทางวิชาการ ของ สปช.
แต่เดิมสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ได้กำหนดคุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษา ในส่วนความสามารถในการเป็นผู้นำทางวิชาการ มีเกณฑ์ที่ต้องประเมินทั้งสิ้น ๙ ข้อ ซึ่งเป็นเกณฑ์เดิมที่ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ได้แก่
๑. จัดให้มีสื่อการเรียนการสอน เน้นการบำรุงรักษา และกำกับดูแลให้มีการใช้อย่างคุ้มค่า
๒. ดำเนินการนิเทศภายใน โดยมีการเยี่ยมชั้นเรียน ปรึกษาหารือ ให้คำแนะนำ เพื่อให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
๓. จัดและกำกับดูแลการสอนซ่อมเสริมให้บังเกิดผลดีแก่นักเรียน
๔. ดำเนินการวัดผลการเรียนการสอนได้ถูกต้อง สอดคล้องกับระเบียบ และหลักการวัดผลการศึกษา
๕. จัดให้มีการส่งเสริมการใช้ห้องสมุดหรือมุมหนังสือ จนเกิดประโยชน์ต่อนักเรียน
๖. ส่งเสริมให้ครูเข้าร่วมฝึกอบรมสัมมนาเกี่ยวกับเทคนิควิธีการสอนและสื่อ เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอน
๗. กำกับดูแลให้ครูเตรียมการสอนและบันทึกการสอนให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
๘. ส่งเสริมและสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ ให้ครูจัดห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนการสอน
๙. ควบคุมดูแล และส่งเสริมให้ครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับหลักการเรียนรู้และหลักสูตร

อ้างอิง

รุ่งชัชดาพร เวหะชาติ, การบริหารงานวิชาการ
ธีระ รุญเจริญ,ความเป็นมืออาชีพในการจัดและบริหารการศึกษาฯ
ภิเษก จันทร์เอี่ยม เอกสารประกอบการสอนผู้นำทางวิชาการและการพัฒนาหลักสูตร

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ครูกับนักเรียน(นิรนาม)

ครูกับนักเรียน(นิรนาม)

คุณครูทอมป์สันโกหกนักเรียนชั้น ป.๕ ของครูทั้งชั้นซะแล้ว
ตั้งแต่วันแรกเลยด้วย คุณครูบอกเขาว่า ครูรักเด็ก ๆ เท่ากันหมดเลย
แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามีเด็กตัวเล็ก ๆ ท่าทางขี้เกียจคนหนึ่ง
ชื่อ เท็ดดี้ สต็อดดาร์ด
ครูทอมป์สันได้จับตาดูเท็ดดี้มาปีนึง และสังเกตว่าเขาไม่ค่อยเล่นดี ๆ กับเด็กคนอื่น ๆ เท่าไหร่
ว่าถึงเสื้อผ้าของเขาก็สกปรก และตัวเค้าเหม็นหึ่งอยู่ตลอดเวลาด้วยแหละ
และบางที เท็ดดี้ก็เกเรด้วย ถึงขั้นที่ครูทอมป์สันสนุกกับการตรวจงานของเท็ดดี้ด้วยหมึกสีแดง กากบาทไปหนา ๆ และใส่ ตัว F ตัวใหญ่ ๆ ลงไปบนหัวกระดาษ

ที่โรงเรียนที่ครูทอมป์สันสอน คุณครูต้องทบทวนประวัติของเด็กแต่ละคนด้วย และครูก็ไม่ยอมตรวจประวัติของเท็ดดี้ จนกระทั่งเหลือแฟ้มสุดท้าย
แต่เมื่อคุณครูตรวจแฟ้มเข้า ครูทอมป์สันก็แปลกใจใหญ่เลยครับ เมื่อพบว่า

ครูชั้น ป.๑ ของเท็ดดี้วิจารณ์มาว่า “น้องเท็ดดี้เป็นเด็กที่ฉลาดและร่าเริง ทำงานเรียบร้อย มารยาทดี เป็นเด็กที่น่ารักมากทีเดียว”

ครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.๒ เขียนว่า “เท็ดดี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เพื่อน ๆ ชอบกันทุกคน แต่กำลังมีปัญหา เพราะแม่ของเท็ดดี้กำลังป่วยหนัก และชีวิตทางบ้านต้องลำบากมากแน่ ๆ”

คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.๓ เขียนว่า “เขาเสียใจมากที่เสียแม่ไป เขาพยายามเต็มที่แล้ว แต่คุณพ่อก็ไม่ค่อยให้ความรัก ความสนใจเขาเท่าไหร่ และชีวิตที่บ้านเขาต้องส่งผลกระทบต่อเขาแน่ ๆ ถ้าไม่มีคนยื่นมือมาช่วยเหลือ”

ครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.๔เขียนว่า “เท็ดดี้ไม่ยอมเข้าสังคม และไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าที่ควร ไม่ค่อยมีเพื่อน และหลับในห้องเรียน”

ตอนนี้ครูทอมป์สันรู้ถึงปัญหาแล้ว และอับอายในการกระทำของตนเองมาก ครูรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก
เมื่อนักเรียนในห้องซื้อของขวัญวันคริสต์มาสมาให้ล้วนห่อด้วยกระดาษสีสด ๆ พร้อมผูกโบว์อย่างดี ยกเว้นแต่ของเท็ดดี้ ของขวัญของเท็ดดี้ถูกห่ออย่างหยาบ ๆ ในกระดาษลูกฟูกหนา ๆ ที่ได้มาจากถุงใส่กับข้าว
ครูทอมป์สันกัดฟันเปิดกล่องของเท็ดดี้ดูกลางกองขวัญอื่น ๆ เด็กบางคนเริ่มหัวเราะ เมื่อเห็นว่าเท็ดดี้ให้กำไลลูกปัดที่ไม่ครบเส้น และขวดน้ำหอมที่เหลือน้ำอยู่ก้นขวดแก่เธอ
แต่คุณครูก็หยุดเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ
เมื่อครูเอ่ยว่า กำไลเส้นนั้นสวยเพียงใด สวมมันไว้ที่ข้อมือ และฉีดน้ำหอมไปบนข้อมือด้วย
เท็ดดี้ สต๊อดดาร์ด อยู่เย็นให้นานพอที่จะพูดว่า “ครูทอมป์สันครับ วันนี้ครูตัวหอมเหมือนที่แม่ผมเคยหอมเลยครับ”
หลังจากที่นักเรียนทุกคนกลับบ้าน ครูทอมป์สันก็ร้องไห้อย่างนั้นเป็นชั่วโมง
วันนั้นเอง คุณครูเลิกสอนหนังสือ
เลิกสอนการเขียน
และเลิกสอนเลขคณิต
คุณครูเริ่มสอนเด็ก ๆ แทน
คุณครูทอมป์สันเอาใจใส่เท็ดดี้เป็นพิเศษ
เมื่อครูพยายามช่วยเขา จิตใจของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง
ยิ่งครูให้กำลังใจเท็ดดี้เท่าไหร่ เขายิ่งตอบรับเร็วขึ้นเท่านั้น
ภายในสิ้นปีนั้น เท็ดดี้ก็กลายเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในห้อง และแม้ว่าคุณครูจะบอกว่ารักเด็กทุกคนเท่ากัน เท็ดดี้ก็กลายเป็น “ศิษย์โปรด” ของครู

หนึ่งปีต่อมา คุณครูพบจดหมายอยู่ใต้ประตู จดหมายนั้นมาจากเท็ดดี้ บอกครูว่า คุณครูยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี

หกปีต่อมา ครูก็ได้จดหมายจากเท็ดดี้อีก บอกว่า เขาเรียนจบ ม.ปลายแล้ว ได้ที่สามในทั้งระดับ คุณครูก็ยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิต

สี่ปีหลังจากนั้น คุณครูก็ได้จดหมายอีก บอกว่า แม้ว่าชีวิตเขาจะลำบากบ้าง เขาก็ไม่ได้เลิกเรียนหนังสือ และจะจบปริญญาตรีในเร็ว ๆ นี้ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง (เหรียญทอง)
และยังย้ำกับครูทอมป์สันว่า คุณครูเป็นครูที่ดีที่สุดและเป็นครูคนโปรดในชีวิตเขา

จากนั้นอีกสี่ปีผ่านไป จดหมายอีกฉบับหนึ่งก็มา ครั้งนี้เขาอธิบายว่า หลังจากที่เขาได้รับปริญญาตรีแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเรียนต่ออีกนิด จดหมายนั้นอธิบายว่า คุณครูยังเป็นครูคนที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี แต่ตอนนี้ชื่อของเขายาวขึ้นอีกหน่อย
จดหมายนั้นลงชื่อว่า นพ. ทีโอดอร์ เอฟ สต๊อดดาร์ด

เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะ คือว่า ฤดูใบไม้ผลินั้นก็ยังมีจดหมายมาอีก
เท็ดดี้บอกว่า เขาได้เจอสาวคนนึงและจะแต่งงานกัน
เขาอธิบายว่า พ่อของเขาได้เสียชีวิตไปเมื่อสองสามปีก่อน และเขาสงสัยว่า คุณครูทอมป์สันจะตกลงมานั่งในที่นั่งสำหรับพ่อเจ้าบ่าวในงานแต่งงานหรือไม่
แน่นอนที่สุด คุณครูทอมป์สันก็มา และทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น
คุณครูใส่กำไลข้อมือเส้นนั้น เส้นที่ลูกปัดหายไปหลายลูก และต้องฉีดน้ำหอมที่เท็ดดี้จำได้ว่า แม่เขาฉีดตอนที่ฉลองเทศกาลคริสต์มาสครั้งสุดท้ายด้วยกัน
ครูกับศิษย์กอดกันกลมเลย
และคุณหมอเท็ดดี้ก็กระซิบข้างหูคุณครูทอมป์สันว่า
“ขอบคุณมากนะครับคุณครูที่เชื่อในตัวผม ขอบคุณมากที่ทำให้ผมรู้สึกสำคัญ และแสดงให้ผมเห็นว่า ผมสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้”
ครูทอมป์สันกระซิบตอบพร้อมน้ำตานองหน้าว่า “หมอเท็ด เธอเข้าใจผิดแล้วแหละ เธอต่างหากที่สอนครูว่า ครูสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้ ครูไม่รู้จักการสอน จนกระทั่งครูได้พบ ได้รู้จักเธอนั่นแหละ”

เติมเต็มหัวใจของคนอื่นด้วยความรักเสียแต่วันนี้.....
และโปรดจำไว้ว่า ไม่ว่าคุณจะไปไหน หรือทำอะไร คุณจะมีโอกาสที่จะสัมผัสและ/หรือเปลี่ยนแปลงอนาคตของคนอื่นเสมอ ขอให้คุณสัมผัสและเปลี่ยนแปลงอนาคตของคนอื่นในทางที่ดีด้วยล่ะ.....
คัดลอกจากรวมบทความทางวิชาการของ ผศ.ดร.ภิเษก จันทร์เอี่ยม มรภ.วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปทุมธานี